Thursday, November 21, 2024
spot_img
HomeTravelขับรถ Mazda CX-30 ล่องใต้ พาไปชม “ควายน้ำ” ที่ พัทลุง

ขับรถ Mazda CX-30 ล่องใต้ พาไปชม “ควายน้ำ” ที่ พัทลุง

ขับรถท่องเที่ยวไปก็หลายที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง คราวนี้ก็เลยลองไปเที่ยวทางภาคใต้กันบ้าง สถานที่สวยๆ ดังๆ และผู้คนกล่าวถึงก็มีมากมายหลายแห่ง แต่ที่เราอยากจะไปเที่ยวมากที่สุดก็ต้องเป็น ทะเลน้อย จ.พัทลุง ที่นี่มีอะไรดี และมีดีอย่างไร ตามเราไปเรื่อยๆ ครับ

การเดินทางในทริปนี้ เราได้รถยนต์ Mazda CX-30 เป็นยานพาหนะคู่การเดินทางท่องเที่ยว เป็นรถ SUV ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. DOHC แบบ 4 สูบ Dual S-VT Electronic Direct Injection กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.5 x 91.2 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1  กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213  นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E85 เรียกได้ว่ารถรุ่นนี้จัดมาให้แบบครบๆ เต็มๆ กันเลยทีเดียว ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ในเรื่องของสมรรถนะนี่ไม่ต้องพูดมาก ก็แบบชนิดที่ว่า ทุกการขับขี่และทุกการเดินทาง มั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์กันเลยทีเดียว

เริ่มสตาร์ทและเปิดเฟรมก็ต้องที่ร้านกาแฟสิครับ แหม! พลาดได้ไง กาแฟมันคื่อส่วนหนึ่งของชีวิต และยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางเสียอีกด้วยสิ ขับรถเลี้ยวเข้าไปยังปั๊มพีที แะก็ไปจอดซื้อกาแฟกันที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทย คือที่เลือกกาแฟพันธุ์ไทยก็เพราะว่า กาแฟรสชาติดี แถมยังจัดโปรฯ ได้ถูกใจคนคอกาแฟอย่างเราอีกด้วย แอบเชียร์กันนิดนึงนะ 5555+

ได้กาแฟกันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ ก็จัดกาแฟกันคนละแก้ว ทั้งอเมริกาโน่เย็นไม่หวาน และเอสส้ม คราวนี้ก็เดินทางกันยาวๆ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ ทะเลน้อย จ.พัทลุง ระยะทางจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังทะเลน้อย ก็อยู่ที่ เกือบๆ 900 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางก็ 12 ชั่วโมงครึ่ง ระยะทางประมาณนี้เราจะขับกันยาวเห็นทีจะเหนื่อยกันแน่ๆ เราก็เลยคุยกันว่าจะนอนพักระหว่างทางกันที่หัวหิน เราเดินทางถึงหัวหินเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ คืนนี้เราเลือกพักกันที่ Hop Inn เพราะที่นี่เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์ค่อนข้างครบ แถมราคายังเป็นมิตรกันอีกด้วย ตื่นเช้ามาที่ชั้นล่างก็มีกาแฟบริการกันอีกด้วย ดีงามจริงๆ 

เดินทางถึง Hop Inn เวลาสองทุ่มกว่าๆ คืนนี้ก็นอนพักเอาแรงกันก่อน พอรุ่งเช้าก็ค่อยออกเดินทางกันต่อ ด้วย Mazda XCx-30 ยานพาหนะคู่การเดินทางในครั้งนี้ 

รุ่งเช้าของอีกวันหลังจากเช็คเอ้าท์เสร็จ ก่อนเดินทางก็เลยจัดกาแฟร้อนคนละแก้วพอให้ร่างกายได้สดชื่น คราวนี้ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ก็เดินทางกันยาวๆ ก็ยังไปพุ่งเป้าไปที่ทะเลน้อย เราสองคนตกลงกันว่าจะแวะไปเดินเล่นสร้างภาพกันที่ถนนเส้นที่สวยที่สุด นั่นก็คือ ถนนสายขนอม-สิชล หรือ ถนนเลียบทะเลเขาพลายดำ จ.นครศรีฑรรมราช โดยค่ำคืนนี้เราสองคนจะพักรถบ้านกันที่ Hun Resort ซึ่งสถานที่อยู่ใกล้ๆ กับ ถนนเลียบทะเล ขนอม-สิชล จากหัวหินไปยัง Hun Resort ระยะทางประมาณ 520 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 7 ชั่วโมง 

เช้าของอีกวันที่ Hop Inn หัวหิน จัดกาแฟร้อนคนละแก้วกันแล้วก็พร้อมออกเดินทาง คราวนี้ก็ขับกันยาวๆ ตรงไปยัง Hun Resort กันเลย ระยะทาง 520 กิโลเมตรเท่านั้นเอง สบายๆ ระหว่สงการเดินทางก็มีแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ หิวก็แวะรับประทานอาหารกัน ก็เดินทางกันแบบชิลล์ๆ ไม่รีบ แต่ก็ไม่ช้ามาก ความเร็วของรถก็อยู่ที่ประมาณ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยยานพาหนะที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอย่างเจ้า Mazda CX-30 จึงหมดกังวลเรื่องการเดินทาง การเร่งแซงก็ทำได้ดั่งใจ จริงๆ แล้วต้องบอกว่า เจ้า Mazda CX-30 รูปทรงภายนอกอาจจะดูไม่ใหญ่โตอะไร เมื่อเปียบเทียบกับรถยนต์ SUV ของค่ายอื่น แต่ใสมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวเท่าที่ได้สัมผัส ก็ถือเป็นขนาดกระทัดรัด กำลังดี อีกอย่าง การเข้าจอดก็สะดวกสบาย เพราะด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก

เดินทางมาได้สักระยะหนึ่ง รู้สึกว่าน้ำมันจะเหลือไม่มากนัก เราสองคนก็เลยเลี้ยวเข้าปั๊มเพื่อเติมน้ำมันให้กับเจ้า Mazda CX-30 เป็นแก๊สโซฮอล์ 95 ก็จัดเต็มถังกันไปเลย เพราะทริปนี้เที่ยวกันแบบยาวๆ เดินทางทางออกจากปั๊มน้ำมันมาจนเข้าเขต จ.ชุมพร เราก็เจอร้านขายซาลาเปาทับหลี แวะสิครับเจอของโปรด เอาไว้กินระหว่างการเดินทาง อีกอย่างก็ตั้งใจซื้อทุกครั้งที่เจอ 

Mazda CX-30 มาพร้อมกับ Sunroof ขนาดพอประมาณ เอาไว้เปิดรับแสงหรือมองท้องฟ้าขณะเดินทาง การเปิดปิดก็ถือว่าใช้งานได้สะดวกดี รพหว่างทางก็เจอกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ก็เพลินๆ กันไป วันนี้เราเจอกับรถขนหมูที่นอนเรียงรายหันก้นมาให้ทางเราเสียด้วย ก็น่ารักดี แต่จุดหมายปลายทางของเจ้าหมู่พวกนี้ก็นั่นแหละ เป็นที่รู้กัน

เดินทางได้ไม่นานเราก็มองเห็นป้าย “ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี” อ้าว! ใกล้จะถึงที่พักกันแล้วนี่หว่า จากป้ายเราก็เดินทางกันต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่พัก ที่ Hun Resort มองดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปที่ 18.35 น. ก็ใกลค่ำกันพอดี ลงจากรถได้ก็รีบกุลีกุจอถ่ายรูปกับสถานที่พักที่เป็นรถบ้านกัน แหม! นานๆ ได้นอนรถบ้านก็ขอสร้างภาพกันสักหน่อย รู้สึกว่าจะไม่หน่อยหละ งานนี้เล่นกันเกือบทุกมุมกันเลยทีเดียว 5555+

เราสองคนเลือกที่จะพักกันที่นี่ก็เพราะว่า เป็นที่พักที่อยู่ใกล้ๆ กับ ถนนเลียบทะเล ขนอม-สิชล ซึ่งเดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะได้ขับรถไปเที่ยวและสร้างภาพกัน ซึ่งระยะทางที่จะไปก็ห่างจากที่พักประมาณ 10 กิโลเมตร เท่านั้นเอง 

Hun Resort เป็นที่พักที่ออกแบบได้สวยงามทันสมัย แต่ละหลังก็จะทาสีแตกต่างกันออกไป มองดูแล้วสดชื่น ที่พักอยู่ท่ามกลางทุ่งนาและอยู่ใกล้ๆ กับทะเล บรรยากาศโอเคมากๆ อีกอย่างราคาก็ไม่แพง ที่สำคัญ อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย

สำหรับรถบ้านก็มีเพียงคันเดียวเท่านั้น ดีที่เราสองคนจองกันมาก่อนล่วงหน้า ไม่งั้นเป็นอดได้เข้าพักเป็นแน่แท้ ภายในรถบ้านก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องน้ำ ที่นอน ทีวี ตู้เย็น ห้องนั่งเล่น (ห้องทำงาน) มีเตาไฟฟ้าเอาไว้ให้เราปรุงอาหารหรืออุ่นกับข้าวได้ด้วย บริเวด้านหน้าก็มีเก้าอี้โซฟาพร้อมโต๊ะ เอาไว้ให้ลูกค้าที่มาพักได้นั่งดื่ม นั่งกิน หรือจัดปาร์ตี้กันได้อย่างชิลล์ๆ ดีงามเข้าไปอีก

ตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ เราสองคนก็ออกเดินทางไปชมความสวยงามพร้อมกับสร้างภาพกันที่ ถนนเลียบทะเล ขนอม-สิชล ระยะทางจากที่พักที่เดินทางไปถึงก็ประมาณ 10 กิโลเมตร ไม่ไกลมาก ยานพาหนะคู่การเดินทางก็พร้อมเสมอสำหรับการเดินทาง 

ขับรถออกจากที่พักก็เลี่ยวขวาวิ่งตามถนนเลียบชายหาด จนกระทั่งไปเจอสามแยกก็ขับเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง คราวนี้ก็ขับกันยาวๆ สองข้างทางก็เป็นต้นมะพร้าวเสียส่วนใหญ่ มีบ้านพักของชาวบ้านและร้านอาหารเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ 

ที่ถนนเลียบทะเล ขนอม-สิชล มันจะมีจุดหรือพิกัดอยู่ คือเป็นจุดที่สวยที่สุดเวลาถ่ายรูป บริเวณตรงนี้เราจะมองเห็นภาพของถนนที่คดเคี้ยวซ้อนกันเป็นชั้นสวยงาม จุดนี้ถ้ามองจากภาพมุมสูงจะอยู่ใกล้กับทะเล แต่เราสองคนไม่ได้เดินไปที่ทะเล เพราะครั้งนี้ไม่ใช้เป้าหมาย โฟกัสของเราในครั้งนี้ก็คือ การจอดรถเพื่อสร้างภาพสวยๆ กับถนนสายที่สวยที่สุด 

เราใช้เวลาอยู่สร้างภาพที่บริเวณนี้ชั่วโมงกว่าๆ มีทั้งภาพระยะไกล ใกล้ ถ่ายภาพด้วยโดรนบ้าง มุมต่ำบ้าง และมุมสูงบ้าง ก็ได้ภาพสวยๆ จนเป็นที่พอใจ ก็ต้องบอกว่าสวยจริงๆ เชื่อผม 

จากถนนเลียบทะเล ขนอม-สิชล เราสองคนก็พากันขับรถเลยไปจนสุดถนน แหม! ไหนๆ  ก็มาแล้วก็เอาให้ครบ ก็มีจอดรถแวะถ่ายรูปกับสถานที่กันเล็กน้อยก็ออกเดินทางกันต่อ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ นครศรีธรรมราช ระหว่างการเดินทางก็มีแวะวัดเจดีย์ หรือวัดไอ้ไข่ ก็แวะทำบุญและไหว้ไอ้ไข่ ที่นี่เราก็เลยแวะซื้อประทัดพันนัดไปด้วย ก็ใช้เวลาอยู่ที่วัดก็นานพอสมควร เพราะวัดนี้มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางเหลือเกิน 

เวลาสี่โมงเย็นก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง เดินทางถึงนครศรีธรรมราชเวลาหกโมงเย็น โดยคืนนี้เราสองคนจะพักค้างคืนกันที่ โรงแรมแกรนด์ฟอร์จูนสองคืน

ครั้งนี้เราสองคนได้มีโอกาสเข้าพักกันที่นี่ เพราะจากที่เลือกหามาหลายโรงแรม สุดท้ายก็ต้องมาจบกันที่สถานที่แห่งนี้ ครั้งนี้เราสองคนได้พักห้องแบบคิงส์ไซส์ เป็นห้องขนาดใหญ่ ภายในห้องถูกออกแบบได้อย่างลงตัว แยกเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนที่มีขนาดใหญ่ ที่สามารถนอนกลิ้งกันได้อย่างสบายๆ ที่ชอบที่สุดก็คือ หมอน ทางโรงแรมให้มาแบบเหลือๆ ที่นอนนั้นก็เนียนนุ่ม ให้ความรู้สึกสบายผิวเอามากๆ แถมผ้าห่มยังนุ่มแนบเนื้อดีเสียอีก นอนแล้วแทบไม่อยากจะลุกจากที่นอนกันเลยทีเดียวเชียว

กำลังมองหาที่พักที่ตอบโจทย์และได้มาตรฐานของคำว่าโรงแรม ที่นี่ Grand Fortune  Hotel @ นครศรีธรรมราช เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากแนะนำ พิกัด Google Maps : Grand Fortune  Hotel @ นครศรีธรรมราช – https://goo.gl/maps/1q655awf8GNvj33m9

หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันแล้ว เราสองคนก็ออกเดินทางไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก แหม! มานครฯ ไม่แวะวัดมหาธาตุได้ไง ไหนๆ ก็มาแล้วก็แวะไหว้เอาฤกษ์เอาชัยกันสักหน่อย เดินทางถึงที่วัดมหาธาตุเวลาก็เที่ยงๆ พอดี อากาศร้อน แดดเปรี้ยงเลย แต่ไม่เป็นไร ในใจของเราสองคนนั้นเย็นกันอยู่แล้ว 

ไหว้พระบรมสารีริกธาตุกันเสร็จก็เดินทางไปหาร้านกาแฟชิคๆ ขึ้นชื่อของที่นี่นั่งชิล์ๆ กันหน่อย ร้านที่ว่า ชื่อ ร้านโกปี๊ ซึ่งก็ถือว่าเป็นร้านที่เปิดมานาน มีชื่อของจังหวัดเลยก็ว่าได้ ร้านกาแฟตกแต่งสไตล์แบบย้อนยุค คลาสสิคดี

บรรยากาศโดยรวมดีเลยทีเดียว วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ถือว่าย้อนยุคแทบทั้งหมด มาร้านแบบนี้ผมก็ไม่พลาดที่จะสั่ง กาแฟร้อนโบราณ ส่วนอีกแก้วก็เป็น กาแฟเย็น เสิร์ฟคู่มากับโรตีราดนมข้น รสชาติดีเลยทีเดียว ใครมานครฯ แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดร้านนี้ มุมถ่ายรูปเพียบเหมือนกัน บอกเลย

ออกจากร้านโกปี๊เวลาบ่ายสอง จะรีบกลับที่พักก็กระไรอยู่ เราสองคนก็เลยขับรถไปเที่ยวกันต่อที่ อุทยานพระพุทธศาสนาอำเภอทุ่งใหญ่ ระยะทางจากร้านกาแฟก็ไกลพอสมาไปเที่ยว เราสองคนก็เลยไม่คิดนาน ที่ไหนได้พอไปถึงเท่านั้นแหละ “ปิด” จบข่าว 5555+

แต่เราก็ไม่ละความพยายาม เดินหาคนแถวนั้นแล้วก็ถามว่า เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปภายในได้มั้ย? ก็พอดีมีคนงานที่ทำสวนอยู่ใกล้ๆ ก็บอกมาว่า เข้าไปถ่ายรูปได้ แต่เท่าที่ดูเราสองคนก็หวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เราก็เลยคุยกันว่า งั้นเราบินโดรนถ่ายรูปเอาพอประมาณก็แล้วกันนะ

…สำหรับ อุทยานพระพุทธศาสนาภายในจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางลานกว้าง เรียงรายกันอย่างสวยงาม ซึ่งพระพุทธรูปบางองค์ก็ยังสร้างไม่เสร็จดี เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่กำลังก่อสร้างซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีนัก แต่ก็จะมีนักท่องเที่ยวแบบเราๆ นี่แหละที่แวะมาเที่ยวชมกัน

แหม! ถ้าคิดจะเที่ยวแล้ว เราสองคนไม่คิดนานนะ จะบอกกให้ สถานที่แห่งนี้ก็ถือว่าอีกหนึ่ง Unseen ของจังหวัดนครศรีธรรมราชเลยก็ว่าได้ อยู่สร้างภาพกันร่วมๆ ชั่วโมงก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก ก็เป็นเวลาเกือบๆ หกโมงเย็นพอดี ก็นอนค้างคืนกันที่นครฯ กันอีกหนึ่งคืน รอเพียงฟ้าสางของวันใหม้จะได้ออกเดินทางไปยังทะเลยน้อย จ.พัทลุง เพื่อไปดู “ควายน้ำ” กัน

เวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ ก็พากันออกเดินทาง โดยมีจุดหมายปลายทางของวันนี้อยู่ที่ ทะเลน้อย จ.พัทลุง ระยะทางจากที่พัก ไปยังทะเลยน้อยก็ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างการเดินทางก้แวะปั๊มเข้าห้อง เติมน้ำมันรถ และซื้อกาแฟ อันหลัง(กาแฟ) ขาดกันไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับนักเดินทางอย่างเราๆ

เวลาเกือบๆ เที่ยงวันเราสองคนก็พากันเดินทางถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ฯ หรือ สะพานเอกชัย ซึ่งสะพานที่สร้างพาดผ่านทะเลน้อย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 สร้างขึ้นในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550  สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีความยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร เป็นสะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เริ่มจากทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ไปสู่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา วันนี้แดดเปรี้ยงกันเลยทีเดียวเชียว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเราสองคน เรื่องเที่ยวสร้างภาพขอให้บอก ถึงไหนถึงกัน 5555+

ทะเลน้อย ถือเป็นแลนด์มาร์คหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง เพราะที่ทะเลน้อยมี ”ควายน้ำ” ซึ่งมีหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ให้ควายได้อาศัยพึ่งพาเลี่ยงชีวิต 

ในส่วนของชื่อ “สะพานเอกชัย” เนื่องจากนักร้องคนใต้ที่ชื่อ เอกชัย ศรีวิชัย ได้เล่นคอนเสิร์ทหาเงินสมทบเพื่อช่วยในการสร้าง สะพานแห่งนี้ชาวบ้านเลยเรียกชื่อติดปากว่า “สะพานเอกชัย” เพราะเรียกง่ายกว่า สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บนสะพานก็จะมีจุดจอดรถให้นักท่องเที่ยวได้แวะเพื่อถ่ายรูปและชมวิวอยู่หลายจุดด้วยกัน เราสามารถเลือกเอาว่าจะสะดวกตรงจุดไหน

สำหรับควายน้ำก็จะแยกออกเป็นกลุ่มๆ หรือเรียกว่า ฝูง ส่วนมากก็จะเป็นควายดำเสียมากกว่า จะมีควายเผือกปะปนอยู่บ้างแค่ตัวสองตัว จอกถเสร็จก็พากันเดินไปชมฝูงควาย ซึ่งก็เริ่มพากันทะยอยออกมากินหญ้ากัน พวกควายก็เดินกันไปเรื่อยๆ ตามจ่าฝูง 

ควายน้ำ ก็คือ ควายปกติธรรมดาๆ ทั่วไป ที่ใช้ชีวิตได้สองรูปแบบ ทั้งบนบก และในน้ำ ในช่วงเวลาน้ำขึ้นท่วมทุ่งหญ้าบริเวณทะเลสาบ ควายก็เลยปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตให้อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ โดยที่ความลึกของทะเลน้อยจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 เมตรเท่านั้นเอง ควายจึงสามารถที่จะลงไปเดินในน้ำเพื่อหาอาหารกินได้อย่างสบายๆ 

ที่ทะเลยน้อย จะมีดอกบัวแดงสวยงามมาก ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริเวณ  ดอกบัวจะบานในช่วงเช้าๆ ของวัน ใครอยากถ่ายรูปสวยๆ ของดอกบัวก็แนะนำให้ไปช่วงเช้าๆ จะเป็นการดีที่สุด ทางที่ดีหาที่พักที่นี่เลยน่าจะสะดวกที่สุด

นอกจากดอกบัวแดงแล้ว ที่ทะเลยน้อยังมีนกหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ มีไม่ต่ำกว่า 150 ชนิด หรือมีมากกว่า 287 ชนิด และมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 ก็มีนกที่หาดูได้ยาก อย่างเช่น นกอีโก้ง นกกาน้ำ นกยาง นกเป็ดผี นกเป็ดแดง นกนางแอ่น นกนางนวล นกเป็ดคับแค นกกระสา อีกา และเหยี่ยว เป็นต้น

ในช่วงระหว่างที่เราพากันเดินชมวิวและดูควายน้ำนั้น เราควรจะระมัดระวังรถที่วิ่งสวนกันไปมาบนสะพานด้วย เดี๋ยวมัวแต่เดินชมวิวและข้ามไปข้ามมา อาจะเกิดอุบัติเหตุกันได้ 

ในเรื่องของจุดชมวิวนั้น เราสามารถที่จะขับรถไปยังจุดอื่นได้เหมือนกัน เพื่อเลือกเอาจุดชมวิวที่สวยๆ เพื่อสร้างภาพ เพราะอย่างที่บอก บนสะพานมีจุดแวะให้เราจอดรถอยู่หลายจุด ก็เลือกเอาได้เลยว่าสะดวกจุดไหน

ในวันนี้ เราได้เห็นควายน้ำเยอะเลย จากทางด้านซ้ายของสะพาน เราจะมองเห็นควายน้ำอยู่เป็นกลุ่มๆ ซึ่งก็มีจำนวนมากน้อยแตกต่างกันออกไป พวกควายก็พาเดินกินหญ้ากันไปเรื่อยๆ ลงน้ำบ้าง อยู่บนสันดอนบ้าง พอมาถึงสะพานก็พากันเดินลอดเพื่อไปหากินหญ้าอีกฟากหนึ่ง เราสองคนก็พากันเดินตามพวกมันไปเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปด้วย ก็ใช้เวลาอยู่กันบนสะพานก็ร่วมๆ ชั่วโมงเห็นจะได้ ไหนๆ ก็มาแล้วก็เอาเสียให้คุ้ม ว่ามั้ย?

สำหรับใครที่ต้องการล่องเรือเพื่อชมดอกบัวแดงและชมนก แนะนำให้มาพักกันที่บริเวณใกล้ๆ กับทะเลน้อยก็น่าจะเป็นการดี เพราะจะได้ใช้เวลาให้คุ้มกับเดินทางมาไกลๆ ได้ล่องเรือชมทั้งดอกบัวแดง ชมนกหลากหลายชนิดหลากหลายสายพันธุ์ และได้ดูควายน้ำ ซึ่งก็มีอยู่ที่เดียว ที่ ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง ทริปนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดของการเดินทางกันที่นี่เลย

ขอขอบคุณ บริษัทมาสด้าเซลส์ (ประเทศไทยจำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ Mazda CX-30 สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกันยาวๆ ในครั้งนี้

—————

พิกัด :

RELATED ARTICLES
spot_img
spot_img
spot_img

Most Popular