ป.ป.ช. จับมือ ตำรวจ-ป.ป.ท. รวบจับสารวัตรฉาว เจ้าหน้าที่สอบสวนโคกสำโรง เรียกรับเงิน 1 แสน แลกกับโอกาสให้ผู้เสียหายไม่ต้องเป็นผู้ต้องหา-ถูกฟ้องดำเนินคดี
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. จับกุม พ.ต.ท. ณัฐพล พงษานุวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ในความผิดฐานเรียกรับเงิน 100,000 บาท จากผู้เสียหาย
โดยก่อนหน้านี้ พ.ต.ท. ณัฐพล พงษานุวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ได้รับเงินจากผู้เสียหายไปแล้ว จำนวน 50,000 บาท และนัดหมายจะส่งมอบเงินที่เหลืออีก 50,000 บาท ในวันที่ 20 กันยายน 2566 ทั้งนี้ เพื่อแลกกับการที่ผู้เสียหายจะไม่ถูกเป็นผู้ต้องหาและไม่ต้องขึ้นศาล/หรือถูกฟ้องดำเนินคดี
จากนั้นเมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเงินสด จํานวน 50,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และมอบให้กับผู้เสียหายไว้เพื่อรอการส่งมอบให้ พ.ต.ท. ณัฐพล หลังจากผู้เสียหาย ส่งมอบเงินให้ พ.ต.ท.ณัฐพล เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ บก.ป.ป.ป. เพื่อขอตรวจสอบและสอบถามเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ผู้เสียหายนำมาส่งมอบก่อนหน้านี้ โดยพบเงินสด จํานวน 50,000 บาท อยู่บริเวณกระเป๋ากางเกงซึ่งจากการตรวจสอบเงินดังกล่าวต่อหน้า พ.ต.ท.ณัฐพล ก็พบว่าเป็นเงินสดที่มีหมายเลขธนบัตรตรงกันกับธนบัตรที่ผู้เสียหายได้นำมาส่งมอบให้และมีการลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐานก่อนหน้านี้จริงทุกฉบับ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัว พ.ต.ท.ณัฐพล ไปจัดทำบันทึกการจับกุม ณ สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง โดยแจ้งข้อหาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 171 และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นสูงกระทำความผิดและถูกจับกุมดำเนินคดี ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็ถือเป็นกรณีศึกษาอีกหนึ่งบท ที่เจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.ป.ป.ป.ช.) พ.ศ. 2561 มาตรา 171 ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในหน้าที่โดยมิชอบ ที่ใช้ตําแหน่งหรือหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านกระบวนการสืบสวนสอบสวนทางกฎหมายจากศาลอาญาคดทุจริตและประพฤติมิชอบในการพิจารณาคดีดังกล่าวต่อไป