น่าจะเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เราสองคนได้มาพักที่นี่ The Terminal Khonkaen Hotel ครั้งนี้เราเดินทางมาถึงในเวลาพลบค่ำประมาณทุ่มกว่าๆ จอดรถที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงแรม ก็เดินลากกระเป๋าเดินทางผ่านป้ายไปที่เป็นโลโก้ของที่พัก ที่เขียนว่า Terminal ซึ่งแปลว่า อาคารผู้โดยสาร เป็นป้ายเหล็กเก่าๆ สีสนิม มีแสงไฟลอดออกมาจากทางด้านหลังของป้าย ให้ความรู้สึกเก่าๆ และคลาสสิคดี
ผลักประตูที่เป็นโลโก้สีแดงและน้ำเงินเข้าไป อารมณ์มันคล้ายๆ เราเข้าไปที่สถานีรถไฟยังไงยังงั้น ด้านซ้ายจะเป็นเคาวน์เตอร์เช็คอิน อารมณ์ก็คล้ายๆ เคาวน์เตอร์จำน่ายตั๋วรถไฟ ที่บริเวณผนังด้านหลังจะมีตารางการเดินรถไฟ ซึ่งก็เป็นตารางเวลาจริงๆ ที่รถไฟจะผ่าน ที่พักทีนี่จะอยู่ติดกับรางรถไฟจริงๆ ซึ่งรางรถไฟที่ขอนแก่นจะยกระดับอยู่ด้านบน ก็ประมาณชั้นสองได้ เวลาพักอยู่ที่นี่เราก็จะได้ยินเสียงของรถไฟวิ่งผ่านอยู่เป็นระยะๆ เพลินดี
ในขณะที่ทำการซื้อตั๋วรถไฟ เอ้ย!! ไม่ใช่สิ ในขณะที่ทำการเช็คอินเข้าพัก พนักงานของโรงแรมก็จะบอกรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงรายการอาหารเช้า เป็นรายการอาหารที่แนบคูปองเก๋ๆ จำลองแบบให้เป็นตั๋วรถไฟ เขียนว่า ตั๋วอาหารเช้า เวลา 07.00 – 10.00 ราคา 150 บาท ตรงกลางจะเป็นโลโก้ Terminal สีแดงและน้ำเงิน
หลังจากนั้นก็จะให้เราเลือกเมนูอาหารเอาไว้สำหรับเช้าของวันพรุ่งนี้ รายการมีเยอะทีเดียว อย่างเช่น ข้าวผัดรถไฟเทอร์มินัล, ข้าวผัดรถไฟหมูย่าง, ข้าวผัดกะเพรา, ข้าวจี่หมูปิ้ง, ไข่กระทะและขนมปังเวียดนาม และอื่นๆ อีกมากมาย จนเราสองคนเลือกกันไม่ค่อยจะถูก สุดท้ายเราก็เลือก ข้าวผัดรถไฟเทอร์มินัล และไข่กระทะ รวมไปถึงอย่างอื่นอีกหลายรายการ
จากเคาวน์เตอร์เช็คอิน คราวนี้ก็หันไปทางบริเวณด้านขวามือ บริเวณนี้จะสร้างจำลองที่เหมือนกับสถานีรถไฟ มีเก้าอี้ให้นั่งรอรถ ผนังด้านในสุดก็จะมีแผนผังการเดินรถและสถานที่ต่างๆ ที่รถไฟผ่าน มีคำว่า “ขอนแก่น” ตัวหนังสือสีเหลืองขนาดใหญ่ และคำว่า “Terminal” สีแดงน้ำเงิน ซึ่งเป็นสถานีและเป็นชื่อที่พักของที่นี่ นอกนั้นก็จะมีชื่อของสถานี อย่าง โนนพยอม, บ้านวังชัย, สำราญ, ท่าพระ และอีกหลายสถานี ที่รถไฟวิ่งผ่านจริงๆ
ก่อนจะพากันลากกระเป๋าเข้าห้องพัก บริเวณนี้เราสองคนก็เลยขอสร้างภาพกับสถานีรถไฟ Terminal กันหน่อย กดชัตเตอร์ก็หลายสิบภาพกันเลยทีเดียว เหลยวมองไปรอบๆ บริเวณ มองเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่น้อยวางอยู่ มีโลโก้น้ำเงินแดงติอยู่ที่ประเป๋าเก๋ๆ เอาไว้ให้ลูกค้าที่เข้าพักได้หยิบมาเป็นพร็อบในการถ่ายรูป เก๋ไก๋กิ๊บเก๋เข้าไปอีกกกก
สร้างภาพได้พอประมาณก็ได้เวลาลากกระเป๋าเข้าห้องพัก ครั้งนี้เราสองคนได้เข้าพักที่ชั้นหนึ่ง ห้อง Platform 1/3 (Zone A) เปิดประตูเข้าไปก็จะเจอกับห้องพักที่อยู่ด้านซ้ายะแลขวา ห้องของเราอยู่บริเวณด้านในเกือบสุดทางเดิน ผนังปูนของที่นี่จะทำเป็นแบบปูนเปลือยขัดมัน เนื้องานดีทีเดียว ด้านบนเพดานจะออกแบบตกแต่งด้วยไม้ให้ความรู้สึกเหมือนกับรางรถไฟ มีไฟส่งสว่างตลอดแนวทางเดิน
ใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพัก เสียบกุญแจเพื่อเปิดระบบต่างๆ ภายในห้อง ทันทีที่แสงไฟส่งสว่าง ห้องกว้างขวางมาก ตรงกลางห้องจะมีเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตอยู่สองเตียง ผ้าปูที่เรียบเนียนและขาวสะอาด ให้ความรู้สึกสะอาดอยากล้มตัวลงไปนอนกลิ้งทีเดียว ตรงกลางด้านหัวนอนจะมีโต๊ะพร้อมโคมไฟและโทรศัพท์ ผนังด้านบนหัวนนอนจะถูกประดับด้วยรูปภาพที่เกี่ยวกับรถไฟ เป็นภาพถ่ายรางรถไฟ อีกรูปก็จะเป็นเหมือนตู้เสบียง
หันไปมองดูด้านขวามือที่อยู่ติดกับประตู ตรงนี้จะทำเป็นที่นั่ง ซึ่งจำลองแบบมาให้คล้ายๆ ที่นั่งบนรถไฟ เอาไว้นั่งเล่นพักผ่อน หรือเอาไว้วางกระเป๋าเดินทางได้ถึงสองใบ อันนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว ในส่วนของเพดานก็ไม่มีอะไรมากมาย ด้านข้างก็จะซ่อนไฟนีออนไลท์ที่เปลี่ยนสีได้ สร้างบรรยากาศได้ดีเลย ในส่วนของพื้นห้องก็จะถูกปูด้วยไม้ลามิเนต
หันไปดูด้านปลายเตียง ตรงนี้จะมีชั้นวางทีวี ตู้เย็น ไดร์เป่าผม และอุปกรณ์ชงชา และกาแฟ มีน้ำดื่มให้วองขวด แสงที่เล็ดลอดมาจากโคมไฟที่เจาะเป็นรู มันช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีในยามที่เรากดชัตเตอร์เพื่อสร้างภาพ จริงๆ
ในส่วนของห้องน้ำก็คล้ายๆ กับห้องนอน ผนังปูนเปลือยขัดมัน มีไม้เป็นส่วนประกอบในการตกแต่ง ห้องน้ำกว้างขวาง แยกเป็นสัดส่วนทั้งเปียกและแห้ง บริเวณทางเข้าห้องน้ำจะมีตู้เสื้อผ้าพร้อมไม้แขวนเสื้อเอาไว้ให้ มีตู้เซฟขนาดย่อมๆ เอาไว้ให้เราเก็บของมีค่า แต่สำหรับผมคงใส่ไม่พอ เพราะลำพังโน๊ตบุ้คขนาด 15 นิ้วก็คงจะใส่ไม่ได้แน่นอน เล็กไปนะ
นอกจากห้องที่เป็นเตียงนอนแบบสองเตียงแล้ว ที่นี่ก็ยังมีห้องพักแบบเตียงเดี่ยวและแบบตู้นอนสองชั้นด้วย ก็เลือกเอาว่าจะเลือกพักแบบไหนตามแต่ใจชอบเลย จะเป็นห้องแบบไหนก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้นอนบนโบกี้รถไฟ
ที่นอนแบบเตียงเดี่ยว (Single Bed) การตกแต่งก็จะคล้ายๆ กับห้องเตียงคู่ (Twin Bed) เตียงนอนขนาดใหญ่แะกว้าง ขนาด 8 ฟุต ปูด้วยผ้าขาวเนียนนุ่ม ตรงกลางจะมีผ้าขนหนูวางไว้ให้สองชุดสี่ผืน (ผืนใหญ่ 2 ผืนเล็ก 2 ) หมอนก็จะมีให้เตียงละสองใบ ก็สะใจกันไปเลย ส่วนผนังด้านหัวนอนก็จะประดับไปด้วยรูปภาพที่เกียวกับรถไฟ
บริเวณด้านที่ติดกับประตูจะทำเป็นที่นั่งคล้ายๆ อยู่บนรถไฟ ผนังด้านข้างประตูก็จะแขวนด้วยรูปภาพ ซึ่งเสมือนว่าเป็นหน้าต่างรถไฟ ให้ความรู้สึกว่าเรากำลังมองออกไปดูวิวทิวทัศน์ที่บริเวณด้านนอก
ในส่วนของห้องน้ำและตู้เสื้อผ้าก็คล้ายๆ กับห้องเตียงคู่ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้แบบครบๆ เหมือนกัน
คราวนี้ก็มาดูห้องแบบเตียงสองชั้นกัน ห้องนี้จำลองให้เหมือนกับที่นอนบนโบกี้รถไฟ ใครที่เลือกพักห้องนี้ขาแข้งก็ต้องยังดีอยู่ เพราะเตียงนอนชั้นบนก็ต้องปีนบันได้ขึ้นไปนอน สำหรับชั้นล่างก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ของตกแต่งและอุปกรณ์ภายในห้องก็มีให้ครบๆ เหมือนกัน
The Terminal Khonkaen Hotel เป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 43 ห้อง แยกเป็น Zone A และ Zone B ซึ่งจะอยู่ด้านล่าง ส่วน Zone C และ Zone D ก็จะอยู่ชั้นบน
ในเรื่องของอาหารเช้า หรือ Breakfast นั้น ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเยอะทีเดียว ทั้งรายการอาหารก็มีให้เลือกหลายหลายเมนู รวมไปถึงภาชนะหรือรูปแบบก็ถือว่าดูดีแหละหรูขึ้นมากทีเดียว ก่อนเข้าพักทางโรงแรมจะให้เราเลือกเมนูอาหารเพื่อเอามาเสิร์ฟในวันรุ่งขึ้น
เมนูที่เราสั่งเมื่อตอนเข้าพักก็มี ข้าวผัดรถไฟเทอร์มินัล, ข้าวผัดรถไฟหมูย่าง, ไข่กระทะที่เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปัง และชุด American Breakfast ที่มีทั้งไข่ดาว แฮม และใส้กรอก ก็ถือว่าเยอะมาก น้ำดื่มก็จะมีทั้งน้ำส้ม ที่เสิร์ฟมาเป็นแบบขวด เทได้หนึ่งแก้วพอดี ในส่วนของกาแฟก็มีพร้อมเสิร์ฟ
รับประทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินขึ้นไปสร้างภาพชิลล์ๆ กันที่ชั้นสองด้านบน ซึ่งก็เป็นที่นั่งสำหรับรับประทานอาหารเช่นเดียวกัน บริเวณนี้จะออกแบบเป็นเหมือนตู้เสบียงบนรถไฟ เวลาเรานั่งรับประทานอาหาร อารมณ์จึงค้ายๆ เราได้นั่งรถไฟที่เคลื่อนที่จริงๆ
จากตู้เสบียงเราก็เดินออกไปสร้างภาพกันต่อที่ระเบียบด้านนอก บริเวณนี้จะทำเป็นเาวน์เตอร์ยาวพร้อมเก้าอี้นั่ง ชั้นนี้จะอยู่เสมอหรือเท่ากับรางรถไฟพอดี บางช่วงเวลารถไฟก็จะแล่นผ่านให้เราได้สร้างภาพได้อีกด้วย
หันมองไปด้านล่างทางขวามือ เราจะมองเห็นบริเวณชานชลาที่มีป้ายชื่อ โรงแรม Terminal พร้อมเบอร์โทรศัพท์ สร้างขึ้นให้แลดูคล้ายๆ กับป้ายสถานี้ บริเวณนี้เราสองคนก็อดไม่ได้ที่จะต้องมาสร้างภาพเพื่อเป็นที่ระลึกกัน
พักที่นี่หลายคืนก็มีโอกาสขับรถไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่ พระมหาธาตุแก่นนคร หรือ ‘พระธาตุ 9 ชั้น’ ก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก พระมหาธาตุแก่นนครตั้งอยู่ภายในวัดหนองแวง ซึ่งถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวขอนแก่น
ขาดกันไม่ได้ก็ต้องหาร้านกาแฟแนวชิคๆ นั่งดื่มด่ำกัน ร้านที่เราเลือกก็ต้องนี่เลย Vector Coffee Roaster ร้านอยู่ในโครงการของ The Wall โครงการทั้งหมดจะตั้งอยู่ในบริเวณของโรงพิมพ์เก่า บรรยากาศภายในร้าน Vector Coffe Roaster คือใช่เลย ชอบเลย
ร้านนี้ใช้โรงพิมพ์เก่ามาทำเป็นร้านกาแฟ ร้านโออ่า อาร์ตๆ ดิบๆ จัดวางตำแหน่งที่นั่งได้ลงตัว บริเวณด้านในสุดนอกจากจะมีที่นั่งแล้ว ยังมีแท่นพิมพ์ กระดาษ สี โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกร์สำหรับโรงพิมพ์จริงๆ วางตั้งโชว์ให้ลูกค้าได้เดินชมและสร้างภาพ บริเวณนี้มันช่วยสร้างบรรยากาศได้แปลกตาและต่างจากที่อื่นได้อย่างชัดเจน
ใครที่ชอบกินเกาเหลาเลือดหมูแนะนำร้านนี้เลย “นายเบิ้ม เกาหลาเลือดหมู” ให้เครื่องในมาแบบครบๆ ไม่ว่าะเป็น ตับ ม้าม เซี่ยงจี้ ใส้ และเลือด ลวดพอสุก หวานๆ ยกมาเสิร์ฟกันแบบชามใหญ่ๆ ราคาชามละ 100 บาท ถ้าพิเศษก็ 120 บาท น้ำและน้ำแข็งฟรี ชามเดียวอิ่มกันแบบจุกๆ กันเลยทีเดียว ใครมาพักที่ขอนแก่นผมว่าไม่ควรพลาด
ในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ทางโรงแรมได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คือดีขึ้นแบบชัดเจน ก็ถือว่าเป็นที่พักที่มีรูปแบบที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปอย่างชัดเจน ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการหาที่พักที่ขอนแก่น
สนใจติดต่อขอจองห้องพัก The Terminal Khonkaen Hotel ติดต่อได้ที่เบอร์โทร 086 458 4547 เฟสบุ้ค https://www.facebook.com/theterminalhotel
พิกัด Google Maps : https://maps.app.goo.gl/UurAPfqGRTSv3YR2A?g_st=ac