ในปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจไม่ได้จำกัดเพียงการสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมในหลากหลายมิติ เอบีม คอนซัลติ้ง ประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำระดับโลก มุ่งมั่นในการรักษาความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อมจึงเดินหน้าสานต่อแคมเปญ SEA Steps To Change เพื่อส่งต่อแนวคิดความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น
ล่าสุด เอบีม คอนซัลติ้ง ประเทศไทย ได้สานต่อโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ภายใต้แคมเปญ SEA Steps To Change นำทีมบุคลากรร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งต่อความยั่งยืนสู่ธรรมชาติ ณ “ป่าชุมชนเมืองสวนป่าเกดน้อมเกล้า” โครงการนี้เปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ด้วยความสมัครใจ เพื่อปลูกฝังค่านิยมแห่งการรักษ์ธรรมชาติและส่งเสริมความยั่งยืนให้แก่สิ่งแวดล้อม
มร.เคอิจิ โฮริเอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญนี้เป็นความร่วมมือระหว่างเอบีม คอนซัลติ้ง ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายให้บุคลากรของเราได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่ตอบแทนสังคม เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแหล่งฟอกอากาศและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว นับเป็นการตอบแทนเล็กๆ จากชาวเอบีมฯ ในการเปลี่ยนแปลงสร้างโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว เรายังหวังว่าแคมเปญต่อเนื่องนี้จะปลูกฝังคุณค่าด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ ความรักโลก และจิตวิญญานแห่งการเสียสละไว้ในใจของพนักงาน อีกทั้งยังส่งต่อพลังบวกไปยังสังคมรอบข้าง และเชื่อว่าพลังบวกนี้จะถ่ายทอดต่อไปยังลูกค้าของเราได้เช่นกัน”
แคมเปญ SEA Steps To Change ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก นางเปรมปรีย์ ไตรรัตน์ ประธานป่าชุมชนเมืองสวนป่าเกดน้อมเกล้า จัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่บางกระเจ้า อาทิ กิจกรรมอาบป่าเรียนรู้ธรรมชาติ กิจกรรมทำลูกประคบ กิจกรรมนวดฝ่าเท้า กิจกรรมทำผ้ามัดย้อมแบบวิถีชาวบ้าน โดยกิจกรรมไฮไลท์ของของครั้งนี้คือ การปลูกต้นไม้จำนวน 300 ต้น โดยมี นายณัฐสนณ์ ไพโรจน์ ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์การจัดการพื้นที่สีเขียว คุ้งบางกระเจ้า เป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการปลูกป่าให้แก่พนักงาน
สำหรับพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกในครั้งนี้ เป็นพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น เช่น ต้นพิลังกาสา ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพน้ำกร่อย และผลของต้นนี้ยังสามารถนำมาทำเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นหรือสร้างรายได้จากการขายผลผลิต อย่างไรก็ตาม ต้นพิลังกาสาเริ่มหายากในปัจจุบัน ทางเจ้าหน้าที่จึงมีแนวคิดส่งเสริมการปลูกต้นพิลังกาสาเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างประโยชน์และรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ชาวบ้านสามารถใช้ทรัพยากรท้องถิ่นได้อย่างมีคุณค่าต่อเนื่อง
แคมเปญนี้ไม่เพียงปลูกฝังค่านิยมด้านการรักษ์ธรรมชาติ และจิตวิญญานแห่งการเสียสละให้แก่บุคลากรขององค์กร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคมและโลกที่เราทุกคนรัก อีกทั้งยังสะท้อนปรัชญา Build Beyond As One. ขององค์กร ที่มุ่งเน้นการร่วมพลังเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมร่วมเดินหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
