พบกันอีกแล้ว กับ คอลัมน์ท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ สบายๆ ชิลล์ๆ ด้วยการขับรถท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะใกล้ หรือ ไกล การเดินทาง สิ่งสำคัญที่สุดก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยานพาหนะในการเดินทางนั้น คือ สิ่งจำเป็นและสำคัญ ในครั้งนี้เราได้ยานพาหนะที่ต้องบอกเลยว่า เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติและสมรรถนะในการขับขี่ และที่สำคัญ เป็นรถยนต์แบบ ปลั๊กอิน ไฮบริด อีกด้วย ครั้งนี้เราจะเดินทางไปสร้างภาพเช็คอินกันที่ เขาใหญ่-ปากช่อง ด้วยรถยนต์ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe ยานพาหนะคู่การเดินทางสำหรับการท่องเที่ยวในทริปนี้
สเป็คคร่าวๆ ก่อนเล่าเรื่องเดินทาง สำหรับเจ้า Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1,991 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที แค่นี้ก็แรงเหลือๆ แล้ว แต่ยังพ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร แรงม้ารวมทั้งระบบ 315 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดรวม 700 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC กระชากรถหนัก 2 ตัน ให้ทำความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 5.8 วินาที ท๊อปสปีด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ข้อมูลคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ก่อนนะครับ
ก่อนเดินทางไปยังจุดหมายที่เขาใหญ่-ปากช่อง เฟรมแรกก็ต้องเปิดกันที่ร้านกาแฟสิครับ แหม! พลาดได้ไง “คาเฟอีน” ตัวกระตุ้นเลยหละ 5555+
ครั้งแรกที่เห็น Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe เราสองคนถึงกับร้องว้าวเลย เฮ้ย! นี่มันรถในฝันเลยนะ รูปทรงมีขนาดที่พอดี ไม่ใหญ่เกินไป และก๋ไม่เล็ก ดูหรูหรา สง่า แตะตาสำหรับคนที่พบเห็น ยิ่งเป็นสีดำเสียด้วยแล้ว มันดูขรึม สุขุม จริงๆ แถมครั้งนี้ ทางบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ยังคาดสติ้กเกอร์สีขาวตัวใหญ่ๆ ที่ด้านข้างทั้งสองด้าน ด้วยคำ Driven Event แหม! มันโดนใจจริงๆ ขับไปไหนก็มีแต่คนมอง
ที่ร้านกาแฟ เราสองคนก็ขอสร้างภาพกับ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe เป็นที่ระลึกสักหน่อย เสร็จก็เดินเข้าไปภายในร้านเพื่อทำการสั่งกาแฟ ร้านการแฟที่นี่ตกแต่งดูดีทีเดียว ไม่ยอมให้เวลาผ่านไปเฉยๆ สร้างภาพกันสิครับรออะไร 5555+
ออกจากร้านกาแฟเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ก็ขับมุ่งหน้าไปยังที่พักกันเลย ครั้งนี้เราได้ที่พักที่เขาใหญ่ คือ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน แอท วอร์ยาร์ด เขาใหญ่ ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ขับไปเรื่อยๆ แบบสบายๆ ระหว่างการเดินทางก็เปิดเพลงจากเครื่องเสียงของตัวรถ เรื่องเสียงคงไม่ต้องพูดถึง ฟังสบายๆ ให้รายละเอียดครบๆ สร้างความเพลิดเพลินระหว่างการเดินทางได้ดีทีเดียว
Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe คันนี้มาพร้อมกับ Sunroof ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมถึงที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง เราสามารถที่จะเลือกให้เปิดให้อยู่ตามตำแหน่งได้ตามต้องการ ขนาดที่กว้างทำให้เราสามารถเปิดเพื่อรับแสงและมองดูท้องฟ้าแบบเพลินๆ ได้เลย
เดินทางถึงที่พักเวลาเกือบๆ สี่โมงเย็น เพราะด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก เราสองคนเลยไม่ต้องเร่งรีบ ก็มีแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ ก็ขับกันไปแบบชิลล์ๆ ตามสไตล์ ก็คิดกันว่าวันนี้ก็คงไม่ได้ไปสร้างภาพกันที่ไหน เพราะด้วยเวลาที่ใกล้ค่ำ อีกอย่างแสงก็เริ่มไม่เอื้ออำนวย เราสองคนก็เลยคิดว่าจะเริ่มออกไปเที่ยวของอีกวัน ก็เอาแบบทั้งวันเต็มๆ กันไปเลย
ขับรถเลี้ยวผ้านซุ้มประตูของโรงแรม แล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังบริเวณด้านหน้าของตัวอาคาร จอดรถดับเครื่องยนต์พร้อมทั้งนำเอากระเป๋าเดินทางและสัมภาระออกจากท้ายรถ ปิดฝาท้ายพร้อมกับทำการ็อครถแล้วก็พากันเดินเข้าไปยังบริเวณด้านในเพื่อทำการเช็คอิน
สำหรับโรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน แอท วอร์ยาร์ด เขาใหญ่ ถือเป็นที่พักที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไปเที่ยวเขาใหญ่ ที่พักอยู่ติดกับถนนสายหลัก มีทั้งหมด 7 ขั้น 66 ห้อง โรงแรมเปิดมาแล้ว 4 ปี ตัวอาคารเป็นสีขาว รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี บรรยากาศโดยรวมดีทีเดียว
ครั้งนี้เราสองคนได้อยู่ที่ชั้นบน ออกจากลิฟท์ก็ลากกระเป๋าเดินเข้าห้อง กวาดสายตามองรอบๆ ห้อง เฮ้ย! ดีงาม มันโอเคมาก ห้องพักจัดเป็นสัดเป็นส่วนดี มีแยกห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ อุปกรณ์ก็ครบครัน จริงๆ แล้วที่นี่มันเหมือนกับ Survice Apartment มากกว่า เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบเลย เหมือนว่าอยู่บ้านเรายังไงยังงั้น แต่ออกแบบตกแต่งได้ค่อนข้างลงตัวทีเดียว ผ้าปูที่นอนเนียนนุ่ม
เมื่อเปิดม่านก็จะมีแสงเล็ดลอดเข้ามาที่บริเวณเตียงนอน บนที่นอนก็จะมีตะกร้าหวายใส่ผ้าเช็ดตัววางเอาไว้ ดูรวมๆ มันโอเคมาก บอกเย และเมื่อออกไปยืนที่ระเบียง เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาใหญ่ได้อย่างชัดเจน มองเห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้สีเขียวขจี ดูแล้วสดชื่นดีจริงๆ
คืนนี้เราสองคนเลยขอพักผ่อนเก็บเรี่ยวแรงกันเอาไว้ก่อน รอเพียงรุ่งเช้าของอีกวันค่อยเดินทางไปหาที่สวยๆ เดินเล่นสร้างภาพกัน ก็มาคิดกันว่า ที่ Toscana Valley มีมุมสวยๆ ให้เราได้สร้างภาพกันเยอะเลย
เช้าของอีกวันหลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย วันนี้แหละ เราจะได้เดินทางไปที่ Toscana Valley กัน ระยะทางจากที่พักไปยัง Toscana Valley ประมาณ 17 กิโลเมตร ก็ไม่ไกลเลย การเดินทางใช้เวลาเพียงแค่ 25 นาทีเอง
ออกเดินทางจากที่พักเวลาห้าโมงเช้า ช่วงเช้ามีฝนโปรยปรายลงมานิดหน่อยพอให้ชุ่มฉ่ำ ระหว่างเดินทางฝนก็หยุดตกพอดี แสงแดดเริ่มทำหน้าที่ของมัน ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส คาดว่าวันนี้เราสองคนจะได้สร้างภาพออกมาได้สวยงามดั่งที่ตั้งใจเป็นแน่แท้ เสียงเพลงที่ส่งผ่านจากสมาร์ทโฟนไปยังเครื่องเสียงของ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe มันช่วยสร้างบรรยากาศในการเดินทางได้เป็นอย่างดี
ถนนหนทางที่ตรงไปยัง Toscana ถือว่าดีทีเดียว รถยนต์ก็มีให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับมากมายนัก ขับกันไปแบบสบายๆ ไปเร่งรีบ เราสองคนเดินทางถึงบริเวณปากทางเข้าไปยัง Toscana Valley ทางด้านขวามือจะมองเห็นหอเอนสีขาวตั้งตระหง่านอย่างเด่นชัด ด้านหน้าติดถนนจะมีร้านค้าขายของตั้งเรียงรายอยู่
ขับรถเลี้ยวขวาผ่านป้ายขนาดใหญ่ที่เป็นชื่อ Toscana Valley จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าไปยังบริเวณด้านใน ตรงนี้แหละที่เราจะต้องเจอกับเจ้าหน้าที่ รปภ. ก็ทำการแลกบัตรผ่าน หลังจากนั้นก็ขับรถเข้าไปยังด้านในสุดที่เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ เราสองคนก็ตั้งใจจะไปหาร้านกาแฟเก๋ๆ นั่งดื่มกาแฟกันสักคนละแก้ว หลังจากนั้นก็ค่อยไปเดินเล่นถ่ายรูปชิลล์ๆ กับสถานที่กัน
ที่ Toscana Valley นอกจากจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ แล้ว ที่นี่ ยังมีมุมถ่ายรูปเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว หลังจากดื่มกาแฟเสร็จเราสองคนก็เลยใช้เวลาอยู่สร้างภาพกันเพลินเลย ใช้เวลาก็น่าจะร่วมๆ ชั่วโมงเห็นจะได้ ก็ได้ภาพกนัจนเป็นที่พอใจ
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถขับออกไปยังเส้นทางที่เราเข้ามาในตอนแรก เพราะตอนที่ขับเข้ามา สายตาก็เหลือบไปเห็นสถานที่ที่พอจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดเพื่อสร้างภาพกัน โดยมีฉากหลังเป็นหอเอนสีขาวเป็นแบล็คกราวนด์ ขับรถมาเรื่อยจนถึงบริเวณที่เราคิดกันไว้ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายพอดี ก็เลยพากันขับรถเลี้ยวรถเข้าไปจอดใกล้ๆ กับเนินหญ้า ขยับรถจนได้มุมที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เริ่มต้นการสร้างภาพกัน
การมาสร้างภาพในครั้งนี้ เราต้องการที่จะได้ภาพสวยๆ แบบฉากหลังละลายเนียน ก็เลยเอากล้องฟูลเฟรม Nikon D750 พร้อมติดเลนส์ซูม 80-200 มม. เอฟ ที่ 2.8 มาเป็ฯตัวช่วยในการสร้างภาพในครั้งนี้ ภาพที่ได้แต่ละภาพก็ต้องบอเลยว่า พอใจนางแบบส่วนตัวเอามากๆ น่านปะไร
เราสองคนใช้เวลาในการสร้างภากับ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe จนเป็นที่พอใจก็พากันเดินทางกลับที่พัก ที่ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน แอท วอร์ยาร์ด เขาใหญ่ วันนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นทริปท่องเที่ยวสร้างภาพกัน
[ ล อ ง ขั บ กั น บ้ า ง ]
ในการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ ผมเองในฐานะผู้เขียน ก็ได้มีโอกาสทดลองขับ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe จากที่พักเดินทางไปยังปั๊มน้ำมันใกล้ๆ กับตัวเมืองากช่อง ก็ต้องบอกเลยว่า Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe เป็นรถที่ขับดีจริงๆ ขนาดกำลังดี กระชับ พวงมาลัยหนึบ การทรงตัวนั้นทำได้ดีเยี่ยม การเข้าโค้งหนึบแบบมั่นใจ อัตราการเร่งทำได้ทันใจดี ด้วยสมรรถนะของรถเองที่ทำออกมากดี การขับจี่จึงสร้างความมั่นอกมั่นใจได้อย่างชนิดที่ว่า ขับเพลินจนลืมดูเข็มไมล์กันเลยทีเดียว
———————
ทริปนี้ก็ต้องขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถ Mercedes Benz GLC 300e 4MATIC Coupe กับกิจกรรม Driven Event ในครั้งนี้
———————