หลังจากปล่อยทริปท่องเที่ยวที่เขายายเที่ยง (อ่างเก็บน้ำตอนบน) กันได้ไม่นาน เราสองคนก็มีทริปท่องเที่ยวกันต่อเลย ครั้งนี้จะพากันไปเที่ยว ที่ จ.น่าน ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมและถูกกล่าวขานกันมากในโลกโซเชี่ยล นั้นก็คือ ถนนโค้งเลข 3 แล้วอย่างเราๆ จะพลาดกันได้อย่างไร ว่ามั้ย?
การเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ เราได้ยานพาหนะคู่การเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ นั่นก็คือ New Mitsubishi Xpander Cross ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ แบบเที่ยวข้ามจังหวัด เพราะเป็นรถ SUV แบบ 7 ที่นั่ง ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ทั้งในเมืองและท่องเที่ยวต่างจังหวัด
New Mitsubishi Xpander Cross มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC ขนาด 1,499 ซีซี กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT เห็นสเปคของตัวรถแล้ว แบบนี้การเดินทางท่องเที่ยวกันไกลๆ แบบไร้กังวล
สำหรับครั้งนี้เราได้รถยนต์สีทูโทนเป็นขาวดำ สวย หรู ดูดี ในครั้งนี้เรามีสมาชิกร่วมเดินทางเพิ่มกันอีกสองคน ก็นั่งกันแบบสบายๆ อยู่แล้ว เพราะเป็นรถยนต์ SUV แบบ 7 ที่นั่ง ด้านหลังเราสามารถปรับเบาะแถวที่สามเพื่อวางกระเป๋าเดินทางและสัมภาระได้อย่างสบายๆ พื้นที่กว้างขวาง พื้นที่ยังเหลือๆ พร้อมให้เราได้ซื้อของขนกลับมาได้อีกต่างหาก ชอบมากบอกเลย
การเดินทางในครั้งนี้ก็เป็นแบบไลฟ์สไตล์ สบายๆ ชิลล์ๆ กันไป เหนื่อยก็แวะปั๊มเข้าห้องน้ำกินกาแฟ ถึงที่หมายกี่โมงก็ว่ากันไป ขึ้นรถเสร็จก็เปิดเครื่องเสี่ยงเชื่อมต่อบลูทูธกันเลย อ๋อ! ลืมบอกไป เราจะต้องเชื่อมต่อบลูทูธก่อนรถเคลื่อนตัวเพื่อความปลอดภัย เพลงสำหรับการเดินทางก็ต้องเป็นเพลงคันทรี่ฝรั่ง เสียงที่ได้ถือว่าโอเคเลย มาครบๆ ทุกย่านเสียง ทั้งเบส กลาง และแหลม
ในเรื่องของความเย็นภายในตัวรถก็ต้องบอกเลยว่า เย็นทั้งด้านหน้าและทางด้าหลัง ซึ่งคนที่นั่งด้านหลังเบาะแถวสองนั้นสามารถปรับแต่งความเย็นได้อย่างอิสระ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในตัวรถก็มีมาให้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นที่ว่างแก้วน้ำ มีมาให้อย่างเหลือเฟือ คนทที่นั่งเบาะแถวสองก็สามารถดึงที่วางแก้วลงมาให้อยู่ตรงกลาง โดยมีที่วางให้สำหรับสองแก้ว อันนี้ดีงามเข้าไปอีก
ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปยัง จ.น่าน ก็ประมาณ 600 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางร่วมๆ 9 ชั่วโมง ดูจากระยะทางและเวลาในการเดินทางคงไม่ไหวกันแน่ๆ พวกเราเลยตัดสินใจแวะพักนอนกันที่จังหวัดพิษณุโลก โดยการเข้าพักกันที่โรงแรมฟอร์จูนดีพิษณุโลก
โรงแรมฟอร์จูน ดี พิษณุโลก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟเพียงแค่ 2 กิโลเมตร และห่างจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร เพียงแค่ 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางจากตัวโรงแรมไปเที่ยวยังสถานที่ต่างของจังหวัด จึงเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกดีมากๆ
โรงแรมฟอร์จูน ดี พิษณุโลก ถือเป็นที่พักที่ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างครบครัน เรียบง่ายดูมีสไตล์ เป็นที่พักที่อยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดมากนัก จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวก สบาย และปลอดภัย อีกอย่าง ในเรื่องของราคาก็ยังเป็นมิตรกันอีกด้วย
>> เช้าของอีกวัน ที่ พิษณุโลก<<
หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าและได้กาแฟสดคนละแก้วแล้ว พวกเราทั้งสี่คนก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ จ.น่าน โดยขับผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ แล้วก็ถึง จ.น่าน ด้วยระยะทาง 289 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ขับกันไปเรื่อยๆ ตามสไตล์ เหนื่อยก็พักกินข้าวเข้าห้องน้ำ ขาดไม่ได้ก็กาแฟ ก็มีเปลี่ยนมือคนขับบ้าง
สำหรับผม(ผู้เขียน) ก็ทำหน้าที่ทั้งคนดูเส้นทางจาก Google Maps และเป็นดีเจเสิร์ฟเพลง สมาชิกต้องการเพลงแนวไหน ศิลปินเป็นใคร ก็บอกมาได้ สามารถจัดให้ ด้วยการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธเข้ากับเครื่องเสียงของรถยนต์ ความเร็วของตัวรถก็อยู่ที่ระหว่าง 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางครั้งก็เร่งขึ้นไปแตะที่ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในเรื่องของอัตราเร่งก็ถือว่าทำได้ดี ยกเว้นเวลาขึ้นเนินเขาก็ออกอาการอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าวิ่งบนทางเรียบก็สบายๆ การเข้าโค้งถือว่าทำได้ดี หนึบ คม ไม่มีอากาแกว่งให้เห็น ในส่วนของเสียงรบกวนจากภายนอกก็จัดได้ว่ามีพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับดังมาก รวมๆ ถือว่าเจ้า New Mitsubishi Xpander Cross ทำมาได้ดีกว่ารุ่นแรกเยอะทีเดียว
เดินทางออกจากร้านกาแฟเวลาช่วงเย็นๆ ของวัน ขับรถมุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน แต่ยังคงเหลือระยะทางอีกยาวไกล พวกเราเลยตกลงกันว่าจะไปแวะพักที่หนองคายกันก่อนหนึ่งคืน ไหนๆ ก็ไหน งั้นก็แวะเที่ยวอีกหนึ่งจังหวัด ให้สมกับสโลแกนของกลุ่ม ”เรื่องเที่ยวไม่เกี่ยวระยะทาง“ คืนนี้พวกเราเลยนอนพันกันที่หนองคาย ช่วงกลางคืนก็เลยพากันไปเดินเล่นริมโขงและหาของอร่อยๆ เป็นของมื้อค่ำเสียด้วยเลย
>> เช้าของอีกวัน ที่ หนองคาย <<
รับประทานอาหารมื้อเช้าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดน่าน และที่น่านนี่แหละที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้ กับสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คีชื่อ นั่นก็คือ ถนนหมายเลข 3 และรวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่น วัดภูมินทร์ ที่มีปูม่านย่าม่านกระซิบรัก ถนนคนเดินกลางคืนน่าน ซุ้มลีลาวดีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บ่อเกลือ หมู่บ้านสะปัน และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย ส่วนพวกเราจะไปแวะเที่ยวที่ไหนบ้าง ตามเรื่อยๆ ครับ
จากหนองคายมุ่งหน้าสู่จังหวัดน่าน ด้วยระยะทาง เกือบ 600 กิโลเมตร กับยานพาหนะคู่การเดินทาง New Mitsubishi Xpander Cross ที่เป็นรถเอสยูวีเอนกประสงค์ เดินทางไกลๆ แบบนี้ เจ้า Mitsubishi Xpander Cross เอาอยู่
การเดินทางไปยังจังหวัดน่านต้องขับผ่านจังหวัดเลย และจังหวัดแพร่ หลังจากนั้นก็ขับกันยาวๆ ตรงไปยังจังหวัดน่าน เหนื่อยก็แวะพัก เข้าห้อง ซื้อกาแฟ แวะกินข้าว สลับับเปลี่ยนคนขับบ้าง เจอที่ไหนสวยก็พากันแวะเที่ยวสร้างภาพเช็คอิน ก็ชอบเที่ยวแบบนี้ มันได้อรรถรสดีดว่ามั้ย?
พวกเราเดินทางถึงจังหวัดน่านก็ช่วงเย็นๆ ของวัน โดยคืนนี้เราจะพักกันที่ Emmaline Hotel Nan เพราะว่าที่พักอยู่ใจกลางของเมืองน่าน และอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดภูมินทร์ ซุ้มลีลาวดีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ถนนคนเดินกลางคืนน่าน ฯลฯ มันจึงเหมาะกับพวกเราที่จะเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในตัวจังหวัด
Emmaline Hotel Nan ถือเป็นสถานี่พักอันดับต้นๆ และมีชื่อของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน ที่พักดูหรูหรา คลาสสิค ตกแต่งได้ลงตัว บรรยากาศโดยรวมถือว่าตอบโจทย์คนที่การมาพักและเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ที่นอน หมอน ผ้าห่มเนียนนุ่ม ภายในห้องกวา้งขวาง โทนสีออกขาวสะอาด ตกแต่งประดับประดาด้วยผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์ทางภาคเหนือ ดูแล้วคลาสสิคและไม่เบื่อเลย
ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นให้มาแบบครบๆ ห้องน้ำแยกทั้งเปียกและแห้ง รวมๆ คือตกแต่งดูดีมากจริงๆ
Emmaline Hotel Nan อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆ อย่างเช่น วัดภูมินทร์ ที่มีจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดังเป็นภาพกระซิบรักของปู่ม่านย่าม่าน และอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่มีซุ้มลีลาวดีสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้ไปสร้างภาพเช็คอิน
ตอนกลางคืนเราสามารถเดินไปเที่ยวที่ถนนคนเดินน่าน ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ระยะทางประมาณ 350 เมตรเท่านั้นเอง คืนนี้พวกเราเลยได้โอกาสไปเดินเล่นและข้อปปิ้งกัน ซึ่งถนนคนเดินน่านก็อยู่ติดกับวัดภูมินทร์นั่นเอง
>> เช้าของอีกวัน ที่ จ.น่าน >>
เช้านี้คือวันที่พวกเราทั้งสี่คนจะได้เปิดโปแกรมการท่องเที่ยวท่ีน่าน จุดหมายและไฮไลท์ของทริปก็นี่เลย ถนนเลขสาม ซึ่งระยะทางจากที่พักก็ประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ขับรถออกจากที่พักก็ช่วงสายๆ ของวัน ก็สบายๆ ชิลล์ๆ ไม่รีบร้อนมากนัก ก็พวกเราชอบเที่ยวกันแบบนี้ไง
การเดินทางในครั้งนี้ก็ได้ยานพาหนะดีๆ ก็นี่เลย New Mitsubishi Xpander Cross ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและตอบโจทย์แบบครบๆ ทั้งทางเรียบและขึ้นทางลาดชัน New Mitsubishi Xpander Cross เอาอยู่ทุกสภาพถนนอยู่แล้ว
ถนนหนทางที่จะมุ่งสู่ถนนเลขสามค่อนข้างจะลาดชันและคดโค้งเอาเรื่อง เพราะที่น่านสภาพภูมิประเทศนั่นเป็นมีภูเขา พวกเราเดินทางถึงถนนเลขสามเกือบๆ เที่ยงวัน
พอใกล้ๆ จะถึงจุดที่เป็นเนินถ่ายรูป มองเห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ หันมาสบตากันแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขับเลยไปที่บ่อเกลือกันก่อนเลย” ไม่รอช้า ไดรเวอร์ก็เหยียบคันเร่งขับผ่านนักท่องเที่ยวและถนนเลขสามทันที
จากถนนเลขสามไปยังบ่อเกลือ พวกเราก็ต้องผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องแวะหยุดถ่ายรูปสร้างภาพ ไม่ว่าจะเป็น ถนน I Love You และถนนเลขศูนย์ บรรยากาศดีๆ แบบนี้นักท่องเที่ยวก็เลยหยุดสร้างภาพกันเพลินๆ แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ภาพที่ได้ก็ออกมาสวยงามดั่งปราถนา
จากนั้นก็พากันเลยไปเที่ยวยังบ่อเกลือน่าน ซึ่งก็เป็นเส้นทางเดียวกัน ก็ใช้เวลาเดินทางพอสมควร แต่พวกเราก็ไม่เคยย่อท้อสำหรับเรื่องเที่ยว ก็บอกแล้วว่า “เรื่องเที่ยวไม่เกี่ยวระยะทาง” นี่คือสโลแกนของพวกเรา ใครจะเอาไปใช้ก็ได้นะครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
เวลาประมาณบ่ายสามโมงเย็นนิดๆ ก็เดินทางถึงบ่อเกลือ จอดรถเสร็จก็เดินไปยังบ่อเกลือโบราณ อายุประมาณ 800 ปี ใครไปเที่ยที่น่านถ้าไม่ได้มาเช็คอินและสร้างภาพที่นี่ บอกเลยว่า เหมือนมาไม่ถึง สร้างภาพกับบ่อเกลือโบราณเสร็จก็เดินช้อปปิ้ง ได้อุดหนุนพ่อค้าแม่ค้า ได้ซื้อเกลือติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย
จากบ่อเกลือก็คิดกันว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่หมู่บ้านสะปันกันต่อ แต่มองดูเวลาแล้วน่าจะไม่ได้ เพราะพวกเราก็ต้องกลับไปที่ ถนนเลขสาม ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของทริป เมื่อตกลงกันเสร็จก็พากันขึ้นรถและขับพากันออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่เป้าหมายทันที
ระหว่างทางก็แวะสร้างภาพกันตลอดเวลา เจอที่ไหนสวยก็แวะ อย่างทุ่งนาข้าวที่เขียวขจีกำลังออกรวง ซึ่งเป็นของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เราก็เลยถือ โอกาสแวะไปเดินนเล่นสร้างภาพกันนิดนึง ไม่นิดหละ สร้างภาพกันไปเยอะเลย แหม! ก็มันสวยนี่นา ว่ามั้ย?
เดินทางถึงถนนเลขสามเวลาประมาณห้าโมงเย็น บรรยากาศกำลังดีเลย นักท่องเที่ยก็บางตาแล้ว เอาหละ! ถึงตาเราได้สร้างภาพกับถนนเลขสามกันบ้างหละนะ ขับย้อนกลับมาแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าไปจอดรถ เสร็จแล้วก็พากันเดินไปยังจุดสร้างภาพ แสงแดดอ่อนทอแสงรำไรรำไร อากาศเย็นสบาย มีลมพัดผ่านมาเป็นครั้งคราว บรรยากาศแบบนี้ก็สร้างภาพกัยเพลินสิครับ
การสร้างภาพกับถนนเลขสามก็ต้องรู้มุมกล้องกันนิดหน่อย ถนนคดโค้งเหมือนเลขสามอารบิก ก็ต้องมีมุมสร้างภาพให้พอดี คือให้ดูออกว่าเป็นเลขสาม ก็ไม่ยากเย็นอะไรมาก คนที่เป็นแบบก็ต้องไปยืนในตำแหน่งที่พอดี กล้องก็ต้องถ่ายด้วยมุมสูง ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ก็จะได้เลขสามอารบิกชัดเจนเท่านั้น
การสร้างภาพกับถนนเลขสามนี้ พวกเราสลับสับเปลี่ยนกันช่วยถ่ายรูป ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ บางครั้งก็ต้องอาศัยจังหวะคนว่างๆ ก็ให้นางแบบรีบวิ่งออกไป แอ็คชั้นเสร็จก็รีบกดชัตเตอร์รัวๆ แล้วก็วิ่งกลับมา ยืนเป็นแบบก็ต้องคอยระมัดระวังรถที่วิ่งไปมาอยูบนถนนด้วย ก็เสี่ยงอยู่พอสมควร แต่ก็สนุกเอามากๆ อยู่สร้างภาพกันอยู่ที่นี่ร่วมๆ ชั่วโมงจนเป็นที่พอใจก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก ที่ Emmaline Hotel Nan
ระหว่างทางก็ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางไปด้วย ยิ่งบรรยากาศช่วงเย็นๆ แบบนี้ด้วยแล้ว สวยงามมากๆ บอกเลย เดินทางมาได้สักพัก ทางด้านขวาจะมีร้านนั่งชิลล์ๆ อยู่ริมเชิงเขา บรรยากาศดีมากๆ “แวะเลย แวะเลย” เสียงพวกเราอุทานดังๆ ออกมากเกือบจะพร้อมกัน แหม! ก็เจอกับร้านบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไม่แวะได้ไง จริงมั้ย?
ที่ร้านนี้ต้องบอกเลยว่า บรรยากาศดีมาก อาหารอร่อย เครื่องดื่มรสชาติดี บรรยากาศโดน ได้สร้างภาพในช่วงแสงทไวไลท์ด้วย ภาพที่ออกมาสวยงามดั่งใจต้องการจริงๆ ยังคิดกันว่า แหม! ถ้าพักที่นี่กันด้วยแล้ว สงสัยไ้ด้นั่งยาวๆ กันทั้งคืนแน่ๆ บอกเลย
จากร้านนั่งชิลล์ๆ พวกเราก็พากันเดินทางกลับที่พัก ที่ Emmaline Hotel Nan ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โดยที่พวกเราจะต้องพักกันต่ออีกหนึ่งคืน พอรุ่งเช้าแล้วก็ค่อยเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันต่อ ทริปนี้ถือเป็นอันสิ้นสุดกับการเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดน่าน
เช้าของอีกวันก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ พวกเราก็พากันแวะไปเยี่ยมป้านิ่ม ก็ร้านขนมหวานป้านิ่มไงหละ ใครที่ไปเที่ยวที่จังหวัดน่านไปแวะไปกินขนมหวานป้านิ่ม เดี๋ยวจะหาว่าไปไม่ถึงน่านนะ ขนมอร่อย ราคาไม่แพง ครั้งนี้เราได้เจอตัวเป็นๆ ของป้านิ่มด้วย แกเป็นคนยืนตักขนมให้กับลูกค้าเองเลย เป็นคนน่ารักและอัธยาศัยดีมาก
ทริปนี้ก็ต้องขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อยานพาหนะ New Mitsubishi Xpander Cross สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้