เดินหน้าเต็มกำลัง แบรนด์เครื่องนอนที่ประกาศชัด ทำจริง เพื่ออนาคตของเรา และอนาคตของโลก กับคอลเล็กชั่นแรก อย่างหมอนอิงรักษ์โลก และผ้าห่มนวมรักษ์โลก ฯลฯ ของ “SATIN X ZERO” ตอกย้ำงานดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน
เล็งผุดโครงการ Design Award ให้คุณค่างานออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อลดขยะจากสิ่งทอ Textile Upcycling สอดรับ BCG Model ให้ได้ 20% ของบริษัทฯ ภายใน 2570 และมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคในแง่ของการรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าร่วมรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับที่ 4 รองจากอุตสาหกรรมอาหาร ก่อสร้าง และการขนส่ง เมื่อเทียบจากการใช้วัตถุดิบและน้ำในขั้นตอนการผลิตที่มีปริมาณสูง ทำให้วงการสิ่งทอ และแฟชั่นทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับเทรนด์การผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยสาเหตุนี้ “ธนชัย สุจินตะมณี” ทายาทรุ่นที่ 3 และทีมผู้บริหาร แห่ง “ซาตินกรุ๊ป” ผู้นำธุรกิจด้านเครื่องนอน มานานกว่า 65 ปี จึงได้ทำโปรเจค “SATIN X ZERO” ขึ้น โดยมีแนวคิดการทำ Textile Upcycling คือ สินค้าที่ผลิตมาจากของเหลือสิ่งทอก่อนการบริโภค (Pre-consumer) ส่วนใหญ่เป็นเศษผ้าที่เหลือใช้จากการผลิต ซึ่งยังคงคุณภาพของผ้าไว้อย่างสมบูรณ์ ประกอบกับฝีมือการตัดเย็บของพนักงานที่เชี่ยวชาญ เรียกว่าเป็นงาน Craft ที่ปราณีตมากๆ เพราะบางชิ้นงานเกิดจากการดีไซน์ จัดวาง ร้อยเรียงผ้ากว่า 300 ชิ้น / ผืน ภายใต้คอนเซปต์ “Design of Sustainability”
“อยากบอกว่า เรื่องราวของความยั่งยืน หรือ Sustainability ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้ เรามองเห็น และสัมผัสได้แล้วถึงผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราโดยตรง ทั้งโลกร้อน ฝุ่นพิษ โรคภัย มหันตภัยต่างๆ ที่เหนือการควบคุมก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ไม่เฉพาะคนรุ่นใหม่ เท่านั้น แต่คนทุกรุ่น ทุกวัย ต้องตระหนักและมีส่วนร่วมในการช่วยโลกใบนี้มีสุขภาพที่ดีขึ้น มีทรัพยากรที่ดี พร้อมส่งต่อคนรุ่นลูก รุ่นหลานต่อไป ซึ่งเรา Satin ก็พยายามคิด หาทางแก้ไขในฐานะผู้ผลิต เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนเกิดเป็นโครงการ “SATIN X ZERO” การทำงานกับเศษวัสดุไม่ใช่งานที่ง่าย เนื่องจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง ทั้งเรื่องชนิด ขนาด หรือแม้กระทั่งปริมาณ เพราะฉะนั้นการออกแบบจำเป็นที่จะต้องดูที่ปัจจุบันว่าเรามีอะไรอยู่บ้าง แล้วจึงค่อยออกแบบ และพัฒนาเป็นแต่ละขั้นตอนต่อไป ซึ่งทั้งหมดต้องถูกควบคุมด้วยมาตรฐานของ Satin ด้วย และคอลเล็กชั่นแรก เข้าสู่ตลาด 4 ตัวด้วยกัน ได้แก่ ผ้าคลุมเตียง/ผ้าคลุมเอนกประสงค์ ขนาด King Size 6 ฟุต, ผ้าห่มนวม ขนาด 3.5 ฟุต, หมอนอิง ขนาด 17 x 17 นิ้ว และ โบว์รัดผม จากผ้าคุณภาพของ Satin โดยเป็นครั้งแรกที่ มีกลุ่มสินค้าใหม่ ของเรา”
โดยแบรนด์ “SATIN X ZERO” ได้คนที่มีแนวคิดเดียวกัน อย่าง ทิพย์มาศ ตันติวัฒนาศิริกุล มือดีด้านการตลาด ผู้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้า Satin Plus และแบรนด์อื่นๆ มาเป็น Head of Marketing ช่วยผลักดัน เพื่อให้โปรเจคนี้เกิดขึ้น และขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มคนที่คิดเหมือนเราต่อไป “เป็นสิ่งท้าทาย ที่เราต้องทำให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นำผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เราตั้งใจผลิตในคอนเซป Design of Sustainability โดยทีม ดีไซน์ วิจัย และพัฒนา ไปจนถึงการตัดเย็บด้วยช่างที่มากฝีมือ การควบคุมคุณภาพ จนไปถึงมือผู้บริโภค ให้กว้างขึ้น ไกลขึ้น ขยายฐานลูกค้าใหม่ และเชิญชวนลูกค้าเก่าให้ร่วมรักษ์โลกไปด้วยกัน รักษาสมดุล ทั้งการผลิต ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการทำให้เกิดขึ้นจริง และสื่อสารไปยังกลุ่มต่างๆ เป็นวงกว้างต่อไป ซึ่งเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถสอดรับ BCG Model ให้ได้ 20% ของบริษัทฯ ภายใน 2570 และมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคในแง่ของการรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าร่วมรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน
พร้อมปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ “SATIN X ZERO” ให้ทันสมัยขึ้น วิจัยและพัฒนากลุ่มสินค้าใหม่ ในเชิง Design of Sustainability โดยเฉพาะ แม้จะมีความตั้งใจ และรณรงค์ให้คนทุกกลุ่ม เห็นความสำคัญ ของปัญหาโลกร้อน โดยเน้นลดการบริโภค ปรับพฤติกรรมการลดการใช้ของที่สิ้นเปลือง เป็น การใช้ซ้ำ หรือ สนับสนุนสินค้าเพื่อความยั่งยืน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มที่จะมีบทบาทสำคัญ และช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้ไปไกลได้คือ กลุ่มคนเมือง กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยสร้าง Brand Customer Insight ให้กลุ่มคนใหม่ๆ ได้เข้าถึง และเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ เข้าถึงสินค้าดี ราคาสมเหตุสมผล หาซื้อง่าย ครองใจให้เป็น Brand Love ในใจต่อไป”
