Thursday, November 21, 2024
spot_img
HomeReviewsBlu Monkey Hub & Hotel Suratthani

Blu Monkey Hub & Hotel Suratthani

เป็นคนชอบเที่ยวและชอบเดินทาง ที่พักก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับต้นๆ พอๆ กับแหล่งท่องเที่ยวที่เราจะไป การสืบเสาะและหาที่พักที่ดีๆ ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการพักผ่อนมันก็ไม่ง่ายเช่นกัน ไหนจะต้องอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ที่เราจะไปเที่ยว รวมไปถึงอาหารการกินก็ต้องสะดวกอีกด้วย และนี่คือเหตุผลสำคัญที่นักเดินทางอย่างเราๆ จะต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษ และที่นี่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่พักอย่าง The Blu Monkey Hub & Hotel จึงได้เปิดให้บริการขึ้นมา เพื่อเป็นการตอบสนองและตอบโจทย์ให้กับนักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปได้มาใช้บริการกัน

จริงๆ แล้วก็ต้องบอกก่อนเลย ที่พักของ The Blu Monkey เราสองคนนั้นได้ไปพักและทำการรีวิวไปแล้วก็หลายที่ ก็ต้องบอกเลยว่าในแต่ละสพานที่และแต่ละจังหวัด ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าของได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่ที่นี่ The Blu Monkey Hub & Hotel สุราษฎร์ธานี ต้องบอกเลยว่า แตกต่างจากที่อื่นๆ ในเครืออย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ การตกแต่ง

เราสองคนเดินทางไปถึงโรงแรมในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน โดยการเดินทางเราตั้งพิกัดปักหมุดจาก Google Maps ตรงไปยังที่พักกันเลย สถานที่ตั้งของโรงแรม The Blu Monkey Hub & Hotel สุราษฎร์ธานีนั้นหาง่ายเพราะอยู่ในตัวเมือง ถ้าดูจาก Google Maps ที่พักจะอยู่ใกล้ๆ กับสี่แยกการุณราษฎร์ และอยู่ตรงข้ามร้านอินเทอร์เน็ต M Cyber E-Sport

จอดรถทางด้านหน้าฝั่งซ้ายมือของโรงแรมสร็จ เราสองคนก็พากันเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปยังบริเวณเค้าว์เตอร์เพื่อทำการเช็คอิน

ผมหันไปมองดูรอบๆ บริเวณ รู้สึกแปลกตาเอามากๆ เพราะด้วยการออกแบบตกแต่งนั้นมันช่างแตกต่างจากสาขาอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการตกแต่งที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิคร่วมสมัย บวกกับรูปแบบในสไตล์โมเดิร์น มีการใช้วัสดุจำพวกเหล็ดและอลูมิเนียมมาผสมผสานกับไม้ สวยงามสะดุดตาจริงๆ 

และที่สะดุดตาอีกหนึ่งอย่างที่เห็นชัดก็น่าจะเป็นภาพกราฟิคของเจ้าลิงซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ Blu Monkey ที่นี่จะออกแบบเป็นงานกราฟิค ดูภาพรวมๆ เป็นการนำเอาอุปกรณ์ของจักรยานมาจัดเป็นองค์ประกอบอยู่ในภาพ อย่างจำพวก โซ่ และ สเตอร์ เป็นต้น โดยที่ภาพของลิงทั้งหมดจะออกแบบเป็นแบบ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก อืม! ดูแล้วแปลกตาและสื่อถึงความหมายในทางสัจธรรมได้ดีจริงๆ

 ก่อนจะขึ้นไปยังห้องพักที่ชั้น 3 ขอเดินสำรวจด้านล่างกันหน่อย อันดับแรกก็ตรงเค้าว์เตอร์นี่แหละ มีของวางตกแต่งอยู่พองาม ด้านหลังเคาว์เตอร์จะมีจักรยานแขวนประดับตกแต่งอยู่ เพราะเอกลักษณ์ของที่นี่จะตกแต่งด้วยรูปแบบของจักรยาน อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า เจ้าของเป็นคนชอบปั่นจักรยานออกกำลังกาย อันนี้ผมคาดการณ์เอาเองนะ มันก็เลยดูเก๋ไก๋และแปลกจากที่อื่นดี ส่วนด้านบนเพดานก็จะโชว์ปูนและเดินสายไฟด้วยท่อร้อยสายแบบเปลือยๆ กึ่งดิบๆ เพดานที่ทาด้วยสีดำดูขรึมและหนักแน่นดี ตัดกับท่อร้อยสายไปที่เป็นอลูมิเนียมด้วยแล้ว มันช่างร่วมสมัยเสียกระไร

ที่บริเวณเค้าน์เตอร์ก็จะมีของที่ระลึกจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าที่สกรีนเป็นรูปเจ้าลิงสีฟ้า พวงกุญแจ และอีกหลายอย่างเล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกค้าที่มาพักได้อุดหนุนและซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึก

เดินอ้อมไปทางด้านซ้ายมือของเค้าว์เตอร์ ทางผนังด้านขวามือจะมีบอร์ดติดอยู่ มองเห็นแผ่นกระดาษโน๊ตชิ้นเล็กปะมาณครึ่งฝ่ามือ มีข้อความที่เขียนจากความรู้สึกของผู้ที่มาเข้าพัก อย่างเช่น ที่นอนดูดวิญญาณมาก นุ่มมาก, ที่พักน่ารักมากเลย และที่สะดุดสายตาก็ข้อความนี้เลย “ที่นอนนุ่ม แต่ขาดคนนอนด้วย” เฮ้ย! มันโอเคเลยประโยคนี้ โดนเลย

คราวนี้หันมาทางฝั่งด้านซ้ายมือตรงกลางที่เป็นผนัง บริเวณตรงนี้จะมีรูปภาพกราฟิคของเจ้าลิงที่ออกแบบน่ารักๆ มีอยู่ 3 ภาพด้วยกัน มีภาพปิดหู ปิดตา และปิดปาก ส่วนด้านล่างลงมาก็จะมีเก้าอี้เอาไว้ให้ได้นั่งพักเล่น ด้านหลังติดผนังก็จะมีล้อของจักรยานที่เปลือยๆ วางพิงตกแต่งเอาไว้ ข้างๆ ก็จะมีประถางต้นไม้จริงตกแต่งเพื่อเพิ่มความสดชื่นอีกทีหนึ่ง มุมนี้เราเลยไม่พลาดที่จะต้องสร้างภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกกัน งานถนัดของเราสองคนเลยทีเดียว ใช้เวลาสำรวจด้านล่างกันเล็กน้อยก็ได้เวลาที่จะขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักชั้นสาม ครั้งนี้เราสองคนได้ห้องพักหมายเลข 315 อืม! เลขสวยดีนะ จัดล็อตเตอร์รี่เสียดีมั้ยเนี่ย 5555+

ก้าวเดินออกจากลิฟท์พร้อมกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลาง ที่ชั้นสามนี้จะมีตัวเลขที่ระบุชั้นเป็นเลข 3 ขนาดใหญ่มาก ให้รู้กันไปเลยว่าคุณมาถูกชั้นหรือผิดกันแน่ๆ 5555+

ภาพการตกแต่งโดยรวมของที่นี่ ผนังโดยรวมจะทาด้วยสีขาวอมเทาอ่อนๆ คล้ายๆ สีของควันบุหรี่ แลดูนวลตาดี ในส่วนทางเดินที่จะเข้าไปยังห้องพัก บางช่วงจะตกแต่งด้วยแผ่นอลูมิเนียมเป็นร่องลูกฟูก เพื่อเป็นการเสริมและเพิ่มเรื่องราวของที่พักไม่ให้ดูธรรมดาจนเกินไป ในเรื่องของการออกแบบตกแต่งก็ต้องยอมว่าทำออกมาดีและสวยงามมากๆ ในส่วนของพื้นก็จะเป็นปูนดิบๆ ขัดมัน แต่ก็ดูสะอากสะอ้านดี

ห้อง 315 อยู่ฝั่งทางด้านซ้ายมือของลิฟท์ เราสองคนเดินลากกระเป๋าเดินทางตรงไปยังห้องที่เราจะพัก หยิบการ์ดใบสีดำที่มีรูปเจ้าลิ้งที่มีรอยยิ้ม แตะการเข้าที่ตัวเซ็นเซอร์ของประตูเพื่อทำการเปิด พอเปิดประเข้าไปด้านในห้อง เสียบการ์ดเข้าไปในช่องเพื่อเปิดระบบไฟทั้งห้อง ไฟทุกดวงถูกเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ

มองตรงไปยังบริเวณตรงกลางของห้อง เตียงนอนขนาดสามฟุตกว่าที่เป็นเตียงคู่ ผ้าปูที่นอนขาวๆ สะอาดๆ เนียนตา มันทำให้ผมนี่อยากจะกระโจนลงไปนอนเสียจริงในเวลานี้ แหม! ก็ที่พักของ Blu Monkey มันขึ้นชื่อในเรื่องของ “เตียงดูดวิญญาณ” ไงหละครับ ไม่เชื่อก็ไปลองสัมผัสกันได้เลย

มุมของห้องทางด้านซ้ายมือ จะทำเป็นโต๊ะยาวจนสุดมุมเพื่อเอาไว้วางของและเป็นโต๊ะทำงานในตัว บริเวณตรงกลางจะมีทีวีจอแบนขนาดก็น่าจะประมาณ 32 นิ้ววางอยู่ มุมด้านซ้ายมือที่ติดกับประตูทางเข้า บนโต๊ะจะมีตู้เซฟขนาดเล็กสำหรับเอาให้ลูกค้าใส่ทรัพย์สินที่มีค่าในยามที่ออกไปนอกห้อง เหนือขึ้นไปด้านบนจะทำเป็นราวแขวนเสื้อผ้า เห็นมีไม้แขวนเอาไว้ให้ด้วย 2-3 อัน โดยการออกแบบดีไซน์ก็จะทำเป็นเฟรมเหล็กสีดำยื่นลงมาจากเพดาน ก็ดูเก๋ๆ ไม่เกะกะดี เย็นชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียวเชียว

ที่ผมชอบอีกหนึ่งสิ่งที่ทาง Blu Monkey ออกแบบ นั่นก็คือ การนำข้อความที่มีความหมายมาติกเอาไว้ให้เราได้อ่านและแปลความหมายกัน เป็นตัวหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ อย่างห้องที่เราพักก็จะมีคำว่า “You can’t buy Happiness but you can. but a bike and that’s pretty close.” แปลแบบคร่าวๆ ก็ประมาณ “คุณไม่สามารถซื้อความสุขได้ แต่คุณสามารถซื้อจักรยานได้ และนั่นก็ใกล้(ความสุข)แล้ว”

ในส่วนของผนังด้านหลังที่เป็นหัวเตียง จะมีรูปกราฟิคที่ออกแแบเป็หน้าลิงขนาดใหญ่ โดยการสีออกโทนสีดำ ขาว และเทา ออกแบบเป็นลิงปิดหูหลับตา จริงๆ ความหมายในเชิงสัจธรรม ก็ประมาณว่า “บางสิ่งบางอย่างก็อย่าไปได้ยินมันบ้างก็ได้นะ” อืม! ที่พักที่นี่ นอกจากจะมาพักแล้ว ยังสอนสัจธรรมให้ลูกค้าได้คิดตามอีกด้วย เฮ้ย! ชอบอะ

บนเตียงนอนจะปูด้วยผ้าขาวสะอาดเนียนๆ นุ่มๆ ปูได้ตึงมาก ที่หัวนอนจะมีหมอนขนาดใหญ่ให้เตียงละสองใบ และมรหมอนสีดำขนาดเล็กๆ ที่เป็นรูปลิงปิดตาและปิดปาก เอาไว้ให้กอดในเวลานอน มีความหมายซะงั้น ดีงามเข้าไปอีก 

บริเวณตรงมุมขวาด้านในที่เป็นมุมทำงาน ตรง้จะมีโคมไฟส่องสว่างเอาไว้ให้ ที่ผนังด้านบนตรงมุมจะมีชั้นวาง มีแก้วกาแฟสีดำสองใบที่สกรีนชื่อที่พัก Blu Monkey และมีขวดน้ำเปล่าให้อีกสองขวด จากในห้องคราวนี้ก็เดินไปสำรวจห้องน้ำกันต่อ ตรงกลางจะเจอกับอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานเขื่องติดตั้งเอาไว้ภายในกรอบที่เป็นไม้ ข้างๆ กระจกด้านซ้ายมือจะมีไดร์เป่าผมติดตั้งเอาไว้ให้ใช้งาน

ส่วนด้านขวามือจะเป็นในส่วนของห้องอาบน้ำ มีชุดฝักบัวที่เป็นสแตนเลสแบบ Rain Shower โดยมีผ้าม่านสีขาวขุ่นรูดเก็บเอาไว้ทางด้านขวามือ ตรงกันข้ามอีกฝั่งถัดไปจากอ่างล้างหน้า จะเป็นในส่วนของห้องน้ำแห้งที่มีชักโครก ด้านบนเหนือชักโครกจะมีชั้นไม้ที่มีผ้าเช็ดตัวพับเอาไว้ให้ ข้างๆ ชักโครกฝั่งซ้ายมือจะมีทิชชู่เอาไว้ให้หยิบใช้งาน

ในส่วนของพื้นและผนังของห้องน้ำทั้งเปียกและแห้ง จะปูด้วยกระเบื้องสีเทาดำพร้อมยาแนวด้วยสีขาว ผนังโดยรวมทั่วทั้งห้องก็จะทำเป็นแบบปูนเปลือยๆ ขัดมัน ก็ดูร่วมสมัยดีสำหรับในยุคปัจจุบัน เมื่อมองจากห้องน้ำเข้าไปยังภายภายในห้องนอน ตรงประตูฝั่งซ้ายมือจะทำเป็นตะแกรงที่สามารถมองทะลุผ่านเห็นด้านในห้องได้ บริเวณเหนือหัวด้านบน จะมีที่สำหรับให้แขวนผ้าเช็ดตัวในยามที่เราต้องการอาน้ำ ซึ่งก็อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกกับการหยิบใช้งาน

สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีอยู่ 3 แบบ คือ SUPERIOR KING OR TWIN BED, SUPERIOR FAMILY (CONNECTING ROOM) และ PRIVATE BUNK BED SHARE BATH (4 PERSONS) ลักษณะการตกแต่งห้องก็จะค่อนข้างคล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นรูปติดผนังที่เป็นภาพขาวดำ ซึ่งเป็นภาพถ่ายแบอาร์ตๆ รูปกราฟิคลิงปิดหู ปิดตา และปิดจมูก ตามคอนเซ็ปท์ของที่พักแห่งนี่

ในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้พร้อมแบบครบๆ หรือแม้แต่การที่จะออกไปเที่ยวหรือออกไปหาอาหารรับประทานก็สามารถทำได้สะดวกสบาย เพราะที่พักตั้งอยู่ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ยิ่งถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวด้วยแล้วยิ่งสะดวกเอามากๆ ร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักก็มี ระยะทางจากที่พักก็ไม่ไกล ประมาณ 200 เมตรเท่านั้นเอง เวลากลางคืนในขณะที่ฝนตกปรอยๆ เราสองคนก็เลยออกไปเดินหาของกินที่ร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักนั่นเอง

ราคาที่พักของที่นี่ถือว่าไม่แพงเลย แถมยังมีอาหารเช้าให้ ก็จะมีข้าวต้ม ข้าวสวย กับข้าว (เมนูเปลี่ยนไปตามแต่ละวัน)  มีปลาท่องโก๋ ขนม น้ำดื่ม รวมไปถึงชา กาแฟ ก็มีให้ ในส่วนของกล้วยหอมก็มีเสิร์ฟให้ตลอดเวลา 

นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีห้องฟิตเนส ห้องซักผ้า อบผ้า มุมนั่งเล่นพักผ่อน ถ้าอยากไปเที่ยวใกล้ๆ โดยที่ไม่ต้องขับรถยนต์ไป ที่นี่ยังมีจักรยานเอาไว้ให้ลูกค้าปั่นไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ แถมยังได้ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็มีอยู่หลายแห่ง อย่างเช่น วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร, เขื่อนเชี่ยวหลาน, เกาะนางยวน, เกาะสมุย, เกาะเต่า, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง, หินพัด, น้ำตกตาดฟ้า, เกาะพงัน เป็นต้น

ใครที่ต้องการหรือกำลังหาที่พักที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่แนะนำเลย The Blu Monkey Hub & Hotel Suratthani ราคาไม่แพง แถมยังตอบโจทย์ในด้านของการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ที่จอดรถสะดววกสบาย ปลอดภัยดี สำหรับเราสองคนนั้นพออใจและแฮปปี้มากๆ กับการพักผ่อนไปกับที่นอนขาวๆ เนียน นุ่มๆ และสะอาดๆ นอนแล้วก็ไม่ค่อยจากจะลุกจากที่นอนกันเลย เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของ “ที่นอนหรือเตียงดูดวิญญาณ”  ไม่เชื่อก็ลองไปสัมผัสกันดูสักครั้งนะครับ

ใครที่สนใจหรือต้องการจองห้องพัก ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.blumonkeyhotels.com/hubandhotelsuratthani/gallery.php หรือติดต่อได้ที่เบอร์โทร 092 539 5939 อีเมล์ sales@blumonkeyhotels.com

RELATED ARTICLES
spot_img
spot_img
spot_img

Most Popular